ประวัติวัดอรุณราชวรารามวรมหาวิหาร
วัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหาร หรือที่เรียกกันทั่วไปว่า "วัดอรุณ" เป็นวัดที่มีชื่อเสียงและเป็นสัญลักษณ์สำคัญของกรุงเทพฯ ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาด้านฝั่งธนบุรี ความเป็นมาของวัดนี้ย้อนกลับไปในสมัยอยุธยา ชื่อเดิมของวัดคือ “วัดมะกอก” แต่เมื่อสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชทรงสร้างกรุงธนบุรีเป็นราชธานี ทรงพบวัดนี้ในยามรุ่งอรุณ จึงทรงเปลี่ยนชื่อวัดเป็น "วัดแจ้ง" เพื่อเป็นอนุสรณ์ถึงเหตุการณ์นั้น
![]() |
วัดอรุณราชวราราม |
ในสมัยรัชกาลที่ 2 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์
พระองค์ทรงบูรณะและเปลี่ยนชื่อเป็น "วัดอรุณราชวราราม"
ซึ่งต่อมาในสมัยรัชกาลที่ 3 ได้ทรงสร้างพระปรางค์วัดอรุณให้สูงขึ้นและตกแต่งด้วยกระเบื้องและเบญจรงค์จากประเทศจีน
พระปรางค์สูงใหญ่ของวัดอรุณนี้ถือเป็นสถาปัตยกรรมที่งดงามและเป็นเอกลักษณ์
เป็นหนึ่งในแลนด์มาร์คของไทยที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก
วัดอรุณยังมีศิลปะและสถาปัตยกรรมที่หลากหลาย
รวมถึงภาพวาดฝาผนังที่เล่าเรื่องราวทางพุทธศาสนา
ภาพศิลปะเหล่านี้สะท้อนถึงศิลปะในยุครัตนโกสินทร์ตอนต้น
วัดนี้ยังคงมีบทบาทสำคัญในการเป็นศูนย์กลางของพุทธศาสนาและประเพณีของไทย
นอกจากความงดงามของพระปรางค์ใหญ่ที่เป็นสัญลักษณ์หลักของวัดอรุณแล้ว
ภายในวัดยังมีอาคารและศิลปวัตถุอื่น ๆ ที่น่าสนใจอีกมากมาย ได้แก่:
1.
พระปรางค์ใหญ่ - พระปรางค์ของวัดอรุณมีความสูงประมาณ 70
เมตร สร้างด้วยสถาปัตยกรรมแบบพระปรางค์ขอมที่เป็นเอกลักษณ์ โครงสร้างพระปรางค์ถูกตกแต่งด้วยกระเบื้องเคลือบและชิ้นส่วนเครื่องถ้วยเบญจรงค์จากจีนอย่างละเอียดอ่อน
ประดับด้วยลายดอกไม้และรูปสัตว์ในตำนาน
ถือเป็นภาพสะท้อนความร่วมมือทางศิลปะและวัฒนธรรมระหว่างไทยกับจีนในยุคนั้น
2.
วิหารน้อย - วิหารที่ตั้งอยู่ด้านข้างของพระปรางค์ใหญ่ มีภาพจิตรกรรมฝาผนังที่งดงามและเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับพุทธประวัติ
ภายในประดิษฐานพระพุทธรูปสำคัญหลายองค์
นอกจากนี้ยังมีศาลาที่ใช้สำหรับการปฏิบัติศาสนกิจต่าง ๆ อีกด้วย
3.
พระวิหารหลวง - พระวิหารนี้สร้างในสมัยรัชกาลที่ 2 มีภาพจิตรกรรมฝาผนังแสดงเรื่องราวในวรรณกรรมและพุทธประวัติ
ภาพวาดเหล่านี้สะท้อนถึงฝีมือช่างในยุครัตนโกสินทร์ตอนต้นซึ่งได้รับการดูแลอย่างดีเพื่อรักษาความงดงามเดิมไว้
4.
พระพุทธธรรมมิศราชโลกธาตุดิลก - เป็นพระประธานในพระอุโบสถของวัดอรุณ
ประดิษฐานอยู่ในอุโบสถอันวิจิตรที่สร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 2 พระพุทธรูปองค์นี้ได้รับการปั้นแต่งอย่างงดงามและมีขนาดใหญ่
มีชื่อเสียงในเรื่องของการอำนวยพรให้ผู้มาไหว้บูชามีความสุขสมหวัง
5.
ยักษ์วัดแจ้ง - หน้าวัดอรุณมีรูปปั้นยักษ์ขนาดใหญ่ 2 ตน คือ ทศกัณฐ์ (ยักษ์สีเขียว) และสหัสเดชะ (ยักษ์สีขาว)
ยักษ์ทั้งสองนี้เป็นตัวละครจากเรื่องรามเกียรติ์
โดยเป็นหนึ่งในสิ่งที่นักท่องเที่ยวนิยมมาถ่ายรูปไว้เป็นที่ระลึก
นอกจากความสวยงามแล้วยังมีตำนานกล่าวถึงบทบาทในการปกป้องวัดจากสิ่งชั่วร้าย
6.
เจดีย์รายและซุ้มศิลปะ - รอบพระปรางค์ใหญ่มีเจดีย์รายและซุ้มประตูสถาปัตยกรรมไทยที่ประดับด้วยกระเบื้องเคลือบลวดลายงดงาม
เป็นจุดชมวิวทิวทัศน์รอบแม่น้ำเจ้าพระยาที่ทำให้เห็นวิวกรุงเทพฯ
ฝั่งตรงข้ามได้อย่างชัดเจน
การเยี่ยมชมวัดอรุณยังเปิดโอกาสให้สัมผัสความงดงามของแม่น้ำเจ้าพระยาที่ไหลผ่าน
เป็นที่ชมวิวที่สวยงามยามพระอาทิตย์ตก
ทำให้วัดอรุณไม่เพียงแต่เป็นสถานที่ที่มีความสำคัญทางศาสนา
แต่ยังเป็นจุดท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมระดับโลก
ศิลปะของวัดอรุณราชวรารามสะท้อนถึงสถาปัตยกรรมไทยที่เป็นเอกลักษณ์
ผสมผสานกับอิทธิพลจากศิลปะจีนและขอม ซึ่งเป็นสิ่งที่ทำให้วัดนี้มีเสน่ห์อย่างโดดเด่น
ตั้งแต่พระปรางค์ที่สูงตระหง่านไปจนถึงรายละเอียดบนผนังและลวดลายการตกแต่งต่าง ๆ
ศิลปะของวัดอรุณมีจุดเด่นหลายประการ ดังนี้:
1. สถาปัตยกรรมพระปรางค์ใหญ่
- พระปรางค์ใหญ่ที่สูงกว่า 70 เมตร
เป็นตัวอย่างศิลปะที่ได้รับแรงบันดาลใจจากปราสาทขอม
ภายนอกปูด้วยกระเบื้องเคลือบสีและเบญจรงค์จากจีนที่สร้างสรรค์เป็นลวดลายดอกไม้
รูปทรงพระปรางค์ของวัดอรุณนี้ถูกออกแบบอย่างประณีตและแสดงถึงความศรัทธาในพระพุทธศาสนา
อีกทั้งยังมีการออกแบบให้โครงสร้างสื่อถึงเขาพระสุเมรุ
ศูนย์กลางจักรวาลตามคติพุทธศาสนา
- ลวดลายต่าง ๆ
บนพระปรางค์สะท้อนถึงความละเอียดอ่อนของศิลปะไทย
โดยใช้วัสดุและการจัดวางลวดลายที่มีการผสมผสานระหว่างรูปแบบไทยและจีน เช่น
ลายดอกไม้และสัตว์ในตำนาน
ซึ่งเป็นการแสดงถึงความสัมพันธ์ทางการค้าระหว่างไทยกับจีนในสมัยรัชกาลที่ 3
2. ภาพจิตรกรรมฝาผนังในพระวิหารและพระอุโบสถ
- ภาพจิตรกรรมฝาผนังในวัดอรุณเป็นศิลปะที่สะท้อนถึงชีวิตและธรรมะตามหลักพุทธศาสนา
มีลายเส้นที่คมชัดและสีสันสดใส ภาพเหล่านี้มักเล่าเรื่องพุทธประวัติ พุทธชาดก
รวมถึงเรื่องรามเกียรติ์ซึ่งเป็นวรรณคดีสำคัญของไทย
- ลายเส้นจิตรกรรมมีความอ่อนช้อยและการใช้สีที่แสดงถึงความเชี่ยวชาญของช่างศิลป์ในยุครัตนโกสินทร์
ซึ่งเป็นศิลปะที่เน้นรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ
ทั้งในลักษณะของตัวละครและสัญลักษณ์ต่าง ๆ ที่มักซ่อนความหมายเชิงพุทธและวรรณคดีไทย
3. ประติมากรรมยักษ์
- ยักษ์ที่ยืนตระหง่านอยู่ที่ทางเข้าวัดอรุณมีทั้งหมดสองตน
คือ ทศกัณฐ์และสหัสเดชะ เป็นประติมากรรมขนาดใหญ่ที่สื่อถึงเรื่องรามเกียรติ์
และมีความเชื่อว่าเป็นผู้พิทักษ์ปกป้องวัดจากสิ่งชั่วร้าย
ประติมากรรมยักษ์เหล่านี้เป็นผลงานการปั้นแต่งที่แสดงให้เห็นถึงศิลปะไทยดั้งเดิม
โดยเฉพาะรายละเอียดบนผิวของยักษ์ เช่น ลายเส้นบนผิวหนัง การใช้สีที่แตกต่าง
และรายละเอียดของเสื้อผ้าที่เป็นลวดลายไทย
4. เจดีย์รายและซุ้มศิลปะรอบพระปรางค์
- รอบพระปรางค์ใหญ่มีเจดีย์รายและซุ้มศิลปะที่มีรายละเอียดการตกแต่งอย่างวิจิตรบรรจง
ทั้งประตู ซุ้มประตู
และหลังคาที่ถูกตกแต่งด้วยกระเบื้องเคลือบและเครื่องถ้วยเบญจรงค์
เหล่านี้สะท้อนให้เห็นถึงการผสมผสานระหว่างศิลปะไทย จีน
และขอมได้อย่างกลมกลืน
- ลายกระเบื้องและลายเบญจรงค์ที่ใช้ในการตกแต่งเป็นการแสดงออกถึงความละเอียดอ่อนในศิลปะประเพณีของไทยและการคัดเลือกวัสดุที่มีคุณภาพสูง
ทั้งนี้ยังสะท้อนถึงความศรัทธาของชาวไทยที่มีต่อศาสนาพุทธในอดีต
5. งานประดับกระจกและโมเสก
- วัดอรุณมีการประดับกระจกและชิ้นส่วนเครื่องถ้วยเบญจรงค์หลากสีเพื่อเสริมความงามของสถาปัตยกรรม
ซึ่งงานประดับกระจกและโมเสกเหล่านี้นับเป็นศิลปะที่ต้องใช้ความพิถีพิถันและฝีมือในการจัดวาง
สีสันและลวดลายทำให้วัดอรุณเปล่งประกายในแสงแดดหรือแสงไฟในยามค่ำคืน
กลายเป็นภาพที่สวยงามและเป็นเอกลักษณ์ของวัด
วัดอรุณราชวรารามไม่เพียงเป็นศูนย์รวมแห่งศิลปะที่งดงาม
แต่ยังสะท้อนถึงการหลอมรวมระหว่างศิลปะไทยและวัฒนธรรมต่างชาติที่มาร่วมสร้างสรรค์ให้เป็นสถาปัตยกรรมที่มีคุณค่าในระดับโลก
การท่องเที่ยวที่วัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหารเป็นประสบการณ์ที่ไม่ควรพลาดเมื่อมาเยือนกรุงเทพฯ
วัดนี้มีชื่อเสียงระดับโลก
ด้วยสถาปัตยกรรมที่งดงามและทำเลที่ตั้งที่ติดแม่น้ำเจ้าพระยา
ซึ่งมอบวิวทิวทัศน์ที่สวยงามทั้งยามเช้าและเย็น
นี่คือแนวทางการท่องเที่ยวที่วัดอรุณ:
1. การเดินทางมายังวัดอรุณ
- วัดอรุณตั้งอยู่ที่ฝั่งธนบุรี
การเดินทางมายังวัดสามารถทำได้ทั้งทางบกและทางน้ำ
แต่วิธีที่แนะนำคือการเดินทางโดยเรือข้ามฟากจากท่าเตียนที่อยู่ฝั่งตรงข้ามของแม่น้ำเจ้าพระยา
ใช้เวลาเพียงไม่กี่นาทีและเป็นการเดินทางที่สะดวก
รวมถึงมีทัศนียภาพที่สวยงามของวัดอรุณจากมุมแม่น้ำด้วย
2. การเยี่ยมชมพระปรางค์ใหญ่
- จุดที่นักท่องเที่ยวนิยมมากที่สุดคือพระปรางค์ใหญ่
ซึ่งเปิดให้นักท่องเที่ยวสามารถเดินขึ้นไปชมวิวจากบริเวณด้านล่างของพระปรางค์
เพื่อสัมผัสความงดงามของลวดลายกระเบื้องเบญจรงค์และความวิจิตรของสถาปัตยกรรม
ยามบ่ายถึงเย็นจะเป็นช่วงเวลาที่ดีในการชมพระอาทิตย์ตกที่สะท้อนผ่านกระเบื้องบนพระปรางค์
ทำให้เกิดแสงเงาสวยงาม
3. ชมวิวรอบวัด
- รอบพระปรางค์ใหญ่มีจุดชมวิวที่สวยงาม
โดยสามารถมองเห็นวิวแม่น้ำเจ้าพระยาที่ทอดยาวและย่านเมืองเก่าได้อย่างชัดเจน
รวมถึงสามารถชมพระบรมมหาราชวังและวัดพระแก้วฝั่งตรงข้าม วัดอรุณกลายเป็นสถานที่ถ่ายภาพที่สวยงามและเป็นที่จดจำของนักท่องเที่ยว
4. ไหว้พระในพระอุโบสถ
- พระอุโบสถของวัดอรุณเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธธรรมมิศราชโลกธาตุดิลก
พระพุทธรูปสำคัญที่ได้รับการเคารพบูชาอย่างสูง
นักท่องเที่ยวสามารถเข้าไปกราบไหว้เพื่อความเป็นสิริมงคล และชมภาพจิตรกรรมฝาผนังที่เล่าเรื่องราวเกี่ยวกับพุทธศาสนาและวรรณคดีไทย
5. ถ่ายรูปกับประติมากรรมยักษ์วัดแจ้ง
- ประติมากรรมยักษ์ทศกัณฐ์และสหัสเดชะที่ตั้งอยู่หน้าวัดเป็นหนึ่งในไฮไลท์
นักท่องเที่ยวสามารถถ่ายภาพคู่กับยักษ์ที่มีสีสันสวยงามและมีขนาดใหญ่
ซึ่งถือเป็นหนึ่งในสัญลักษณ์ของวัดอรุณ
6. ทัวร์ทางเรือยามค่ำคืน
- การล่องเรือชมวัดอรุณในยามค่ำคืนเป็นประสบการณ์ที่น่าประทับใจอีกแบบหนึ่ง
เมื่อไฟที่ประดับประดาตามพระปรางค์และวัดส่องสว่าง เป็นภาพที่งดงามมาก
นักท่องเที่ยวสามารถเลือกทัวร์เรือดินเนอร์แม่น้ำเจ้าพระยาเพื่อชมแสงสีและบรรยากาศที่เงียบสงบของวัดอรุณในยามค่ำคืน
7. การแต่งกายสำหรับการเข้าวัด
- เนื่องจากเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์
นักท่องเที่ยวควรแต่งกายสุภาพ
ผู้หญิงควรสวมกระโปรงหรือกางเกงที่ยาวและมีการปิดไหล่
ขณะที่ผู้ชายควรสวมกางเกงยาวและเสื้อที่มีแขน หากไม่สะดวกสามารถเช่าเสื้อคลุมที่วัดได้
8. การเข้าชมและเวลาทำการ
- วัดอรุณเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมทุกวัน
ตั้งแต่เวลา 8:00 น. ถึง 18:00
น. โดยมีค่าธรรมเนียมสำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ
ส่วนคนไทยสามารถเข้าชมได้ฟรี นอกจากนี้
ควรตรวจสอบข้อมูลล่าสุดเกี่ยวกับเวลาทำการและค่าธรรมเนียมก่อนเดินทางเนื่องจากอาจมีการเปลี่ยนแปลง
9. ของฝากและร้านค้าใกล้วัด
- บริเวณรอบวัดอรุณมีร้านค้าขายของที่ระลึกมากมาย
เช่น งานฝีมือแบบไทย กระเบื้องเบญจรงค์จำลอง และของฝากต่าง ๆ นักท่องเที่ยวสามารถเลือกซื้อของฝากที่มีเอกลักษณ์ของไทยกลับบ้านได้
การท่องเที่ยวที่วัดอรุณเป็นประสบการณ์ที่ผสมผสานระหว่างความศักดิ์สิทธิ์และความสวยงามของศิลปะไทย
ถือเป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางที่แนะนำอย่างยิ่ง
โดยเฉพาะสำหรับผู้ที่ชื่นชอบประวัติศาสตร์และศิลปะ
Here’s an English translation of the
guide for visiting Wat Arun:
Visiting Wat Arun
A trip to Wat Arun Ratchawararam
Ratchawaramahawihan, commonly known as Wat Arun, is a must when visiting
Bangkok. This globally renowned temple features exquisite architecture and a
prime location along the Chao Phraya River, offering breathtaking views both in
the morning and evening. Here’s a guide for visiting Wat Arun:
1.
Getting to Wat Arun
- Wat Arun is located on the Thonburi side of the river.
You can reach the temple by land or water, but the recommended way is by
taking a short ferry ride from Tha Tien pier on the opposite side of the
Chao Phraya River. This quick journey offers a beautiful view of Wat Arun
from across the river.
2.
Exploring the Main Prang (Central Spire)
- The main prang (spire) is the most popular spot for
visitors. You can climb partway up for a closer look at the intricate
porcelain inlays and designs. Late afternoon to early evening is the
perfect time to view the temple as the sun sets, creating a beautiful
reflection on the prang’s ceramic tiles.
3.
Enjoying the View Around the Temple
- Surrounding the main prang are scenic viewpoints,
offering clear views of the Chao Phraya River, Bangkok's old city
district, and even the Grand Palace and Wat Phra Kaew across the river.
Wat Arun is a beautiful spot for memorable photographs.
4.
Praying at the Ordination Hall
- Wat Arun’s ordination hall houses Phra Buddha Dhammisra
Raja Lokathat Dilok, a revered Buddha statue. Visitors are welcome to pay
respects and experience the serene atmosphere. Inside, you can also admire
beautiful murals depicting Buddhist stories and traditional Thai
literature.
5.
Taking Photos with the Guardian Giants
- At the temple entrance are the famous guardian giants,
Tosakan (green) and Sahat Decha (white), from the Thai epic Ramayana.
These statues are popular photo spots and are symbolic protectors of the
temple.
6.
Nighttime River Tours
- A river cruise in the evening offers a unique
experience, showcasing Wat Arun lit up against the night sky. Dinner
cruises on the Chao Phraya River are an excellent way to enjoy the
illuminated beauty and tranquility of the temple.
- As Wat Arun is a sacred site, visitors are advised to
dress modestly. Women should wear long skirts or pants and cover their
shoulders, while men should wear long pants and sleeved shirts. Cloaks are
available for rent at the temple if needed.
8.
Visiting Hours and Admission
- Wat Arun is open daily from 8:00 AM to 6:00 PM, with an
admission fee for foreign visitors. Thai nationals can enter for free.
It’s recommended to check for any updated hours or fees before visiting.
9.
Souvenirs and Shops Nearby
- Around Wat Arun, you’ll find shops selling unique Thai
souvenirs, including handcrafted items, Benjarong ceramics, and other Thai
keepsakes. These make perfect mementos for your trip.
Visiting Wat Arun is a wonderful
blend of spiritual experience and appreciation of Thai art. It’s highly
recommended for anyone interested in history, art, or simply enjoying the
beauty of Thailand’s iconic temples.
วิวสวยค่ะ
ตอบลบสวยงามจริงๆ
ตอบลบ